วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
ธรรมวิจัย
ธรรมวิจัย หมายถึงการใช้ปัญญาพิจารณาสอบสวนจนเข้าใจธรรมชาติตามความเป็นจริง สติจะเป็นฐานที่ทำให้สามารถกระทำธรรมวิจัยได้อย่างถูกต้อง ค้นพบกฏธรรมชาติตามความเป็นจริงได้
ธรรมะในการวิจัยอาจแบ่งได้เป็น 3 ระดับ
1. ระดับศิลธรรม เป็นแบบวิธีการปฏิบัติที่ถ้าผู้ประพฤติไม่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดความเสียหาย ถือได้ว่ากระทำผิด ควรได้รับการลงโทษตามระเบียบที่กำหนด หรือบางกรณีอาจถึงขั้นผิดกฏหมาย
2. ระดับวัฒนธรรม เป็นแบบวิธีการปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีค่านิยมของสังคมวงวิชาการ วิชาชีพ การกระทำหรือไม่กระทำไม่ถือว่าเป็นความผิด แต่ถ้าผู้ประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็จักไม่ได้รับการยอมรับในสังคมที่เกี่ยวข้อง อาจถึงขั้นขับออกจากวงการ
3. ระดับคุณธรรม ผู้ประพฤติกระทำด้วยจิตสำนึกที่มุ่งสร้างาสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์มีจิตปรารถนาดีต่อผู้อื่น ผู้ที่จะทำได้ต้องมีพื้นฐานจิตใจระดับที่ดีงามมีความเชื่อมั่นที่จะทำคุณความดี ถ้าผู้ประพฤติไม่ได้ทำในขั้นนี้ก็ไม่ถึงกับมีความผิดต้องได้รับโทษ แต่เป็นสิ่งที่ควรมุ่งมั่นพยายามไปให้ถึง
คัดมาจากเอกสารเผยแพร่ของสกว
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552
ความรู้จากสมาชิก
ประเทศไทยแม้ว่าจะปลูกถั่วเหลืองได้แต่ไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นจำนวนถึงปีละ 60000 ล้านบาท และส่วนใหญ่ก็เป็นถั่วเหลืองตัดแต่งพันธุกรรมหรือที่เรียกว่า GMO ที่เรารู้ได้เพราะประเทศที่ส่งออกมายังประเทศไทยนั้นเข้าใช้พันธ์ถั่วเหลืองจีเอ็มโอในการปลูกเช่นบลานซิลอาเยนตินา อันเป็นพันธ์ที่ให้ผลผลิตสูงและต้านทานต่อยาฆ่าวัชพืชและยาฆ่าแมลง จึงทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงและต้นทุนการผลิตต่ำกว่าในประเทศไทย
ประเทศไทยปลูกถั่วเหลืองในภาคเหนือและภาคอิสาน เป็นพันธุ์ถั่วเหลืองธรรมชาติที่ยังไม่ตกแต่งพันธุ์กรรม ซึ่งพบว่ามีข้อดีกว่าในแง่ของคุณค่าอาหารที่ให้โปรตีนสูงที่มีถึง 40% และเป็นที่ต้องการของบางประเทศที่ยังต้องการสินค้าอาหารที่ไม่ใช้จีเอ็มโอ ในยุโรปนั้นสินค้าผลิตภัณฑ์ใดที่ใช้พืชจีเอ็มโอต้องติดฉลากบอกให้ผู้บริโภคทราบ ที่เป็นเช่นนี้เพราะอาจเป็นเพราะว่าการวิจัยยังไม่สมบูรณ์ก็ได้ว่าจะมีผลต่อการบริโภคอย่างไรในขณะนี้ เพราะโครงสร้างขององค์ประกอบแตกต่างไปจากพืชธรรมชาติ
การตกแต่งพันธุ์กรรมแม้ว่าจะมีข้อดีให้ทนต่อโรค แมลง และสารเคมีได้ แต่ก็จะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศทำให้เสียความสมดุลย์ไป เช่นเมื่อปลุกถั่วเหลืองจีเอ็มโอมีการฉีดยาฆ่าวัชพืช วัชพืชตายหมดแต่ถั่วเหลืองไม่ตาย แมลงที่เคยอาศัยวัชพืชก็ไม่สามารถอยู่ได้ หรือแมลงที่เคยมากินพืชถูกยาฆ่าแมลงตายเกือบหมดแต่พืชไม่ตาย อาจจะส่งผลทำให้แมลงที่ช่วยในการผสมเกสรพืชบางชนิดเสียไป เช่นลำใยการติดลุกน้อยลงทำให้ชาวสวนบางแห่งถึงกับต้องเลี้ยงผึ้งไว้ในสวนด้วยเพื่อช่วยในการผสมเกสรเป็นต้น
ถึงเวลาแล้วที่นักวิชาการต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องนี้ให้มากขึ้นมิฉะนั้นแล้ว เราอาจจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในอนาคตอันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสังคมที่ยากต่อการแก้ไขก็เป็นได้ ในการทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง และประเทศเราอาจจะไม่เป็นแหล่งอาหารของโลกอีกต่อไป
วิจัย ต้องคิด
ในภาวะปัจจุบันเราแข่งกันที่ความรู้ การมีความรู้มากทำให้เราควบคุมสถานะการณ์ได้ดีกว่า และสามารถที่จะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า ดังนั้นการศึกษาของประเทศต่างๆจึงเน้นไปทางที่ทำให้ประชาชนมีความรู้มากขึ้น โดยมีการสร้างความรู้ใหม่ๆ มากขึ้นด้วย อเมริกาเคยมีสถิติที่มีนักวิจัยถึง 200คนต่อประชากร 1 หมื่นคน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป เกือบ 100 คน ต่อ 1 หมื่น สิงคโปร์ประมาณ 15 คน เมเลย์ประมาณ 5-10 คนและประเทศไทย 1-3 ก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่าประเทศใดยิ่งเจริญมากก็ยิ่งมีนักวิจัยที่สร้างความรู้เพิ่มมากขึ้น
ปัญหาการวิจัยบ้านเราอย่างหนึ่งคือไม่ค่อยมีคนไปขอทุน หรือไม่ก็การกระจายทุนวิจัยยังไม่เหมาะสม ยังไม่มีทิศทางเอกภาพที่ชัดเจน ทำให้เราเป็นประเทศที่ซื้อเทคโนโลยีสูงถึงเกือบ 4 แสนล้านบาทต่อปี แม้แต่สมุนไพรเราก็ถูกแย่งไปทำเป็นสินค้ามาขายในราคาแพง เช่นในทะเลสาปสงขลามีสาหร่ายที่วิเคราะห์ได้ว่ามีสารเจลาตินมาก ให้ชาวบ้านปลูกส่งไปขายต่างประเทศ แล้วเขาก็สะกัด เจลาตินส่งมาขายเมืองไทยอีกที
วิทยาศาสตร์ไทยค่อนข้างล้าหลังจากการจัดอันดับในกลุมประเทศต่างๆ มักจะอยู่อันดับท้ายๆ สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดคืองานตีพิมพ์ระดับโลกยังมีน้อยมาก ต้องหาวิธีการทำให้มีผลงานวิจัยมากขึ้นและสามารถตีพิมพ์ได้ ทำอย่างไรให้มีข้อเท็จน้อยกว่าข้อจริง ทำให้ทุกวิชามีความสำคัญ และจะต้องนำมาผสมผสานกันอย่างสอดคล้อง การประสานกันดีก็จะได้ผลที่ดี ซึ่งงานวิจัยควรจะมีมากกว่า 1 สาขาที่มาเกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง
งานวิจัยที่จะได้ผลดีควรจะมีทีมวิจัย มีฝ่ายสนับสนุนที่ร่วมกันคิด เสนอความคิดเห็น ร่วมกันค้นเอกสารการวิจัย ร่วมกันทำ ร่วมกันปกป้องสิ่งที่เชื่อมั่นสิ่งที่ค้นพบ ร่วมกันยืนยันซึ่งการทำวิจัยจะต้องมีการรายงานความก้าวหน้า ที่เรียกว่า progressive report
ในกระบวนการวิจัยจะต้องมีการสังเกต การอ่าน การปรึกษา การคิด การสงสัย การตั้งคำถาม มีปัญหา การสันนิษฐาน กำหนดปัญหาที่ชัดเจน กำหนดวัตถุประสงค์ พิจารณาออกแบบวิธีการ มีกรอบแนวคิดการวิจัย คิดจะวิจัยเรื่องอะไร มีที่มาความสำคัญอย่างไร สนใจในประเด็นอะไร ทำไมจึงสนใจ ในประเด็นที่สนใจรู้อะไรมาบ้างแล้ว และอะไรที่ยังไม่ทราบ ไม่รู้แต่อยากรู้ ต่างๆ เหล่านี้อยู่ในกระบวนการทำโครงร่างงานวิจัย เขียนโครงการที่เรียกว่า Proposal